ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ
1อาเซียนเป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีความใกล้ชิดไทยมากที่สุด ประเทศสมาชิกอาเซียนหลายประเทศ เป็นเพื่อนบ้าน
มีพรมแดนติดกัน มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึง มีสินค้าและบริการที่สามารถเสริมซึ่งกันและกันได้
หรือมีสินค้าบริการที่คล้ายคลึงกันซึ่งหากสามารถร่วมมือกัน
ก็จะสามารถสร้างความแข็งแกร่งในด้านอำนาจการต่อรอง
อันจะนำมาซึ่งการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจการค้าที่มีความสำคัญยิ่ง
2 การรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนทำให้เกิดตลาดในภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่ โดยสามารถนำจุดแข็งของแต่ละประเทศมาเสริมกับจุดแข็งของประเทศไทยเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดในการผลิต
ส่งออกและบริการ
ซึ่งจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อมีการเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิตได้อย่างเสรีมากขึ้น นอกจากนี้
การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะช่วยให้ประเทศสมาชิกมีความเป็นปึกแผ่นและช่วยสร้างอำนาจการต่อรองในเวทีต่างๆ
มากขึ้น
3 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวในด้านการค้าและการลงทุนของไทย เนื่องจากการผลักดันมาตรการต่างๆ
เพื่อเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะก่อให้เกิดการยกเลิกหรือลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด
ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรค์ด้านภาษีหรือมาตรการทางการค้าอื่นๆ ที่มิใช่ภาษี
เนื่องจากประเทศสมาชิกจะแสวงหาความร่วมมือเพื่อลด/ขจัดอุปสรรคต่าง ๆ เหล่านั้น
รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
4 ประชาคมเศรษฐกิจจะทำให้ผู้ประกอบการไทยได้เริ่มปรับตัวและเตรียมความพร้อม กับสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งปรับตัวและใช้โอกาสที่เกิดจากการลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนต่างๆ
ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสาขาที่ไทยมีความพร้อมและมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง
5 เสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการภายในประเทศ จากการใช้ทรัพยากรในการผลิตร่วมกันและการเป็นพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ
จากการขจัดอุปสรรคในด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิก
6 ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ภายในประเทศจากการดำเนินงานตามแผนงานในด้านการลดอุปสรรคทั้งด้านการค้าและการลงทุน
และการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค
โอกาสและความท้าทายต่อผู้ประกอบการไทย
โอกาส
1 ไทยสามารถขยายการส่งออกสินค้าไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน เนื่องจากอุปสรรคทางการค้าทั้งที่เป็นภาษีและมิใช่ภาษีจะลดลงหรือหมดไป
และกฎระเบียบต่างๆ
จะมีการปรับประสานเพื่อให้สอดคล้องและเอื้อประโยชน์ในกลุ่มสมาชิกมากขึ้น
2 การรวมตัวเป็นตลาดเดียว จะช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เข้ามาในอาเซียนรวมทั้งไทยมากขึ้น
3 ผู้ประกอบการไทยในสาขาที่ไทยมีความเข้มแข็ง เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์
การท่องเที่ยวการบริการด้านสุขภาพและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ต้องเร่งศึกษาหาลู่ทางการปรับตัว และใช้โอกาสจากการลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนต่างๆ
ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
ความท้าทาย
4 สำหรับสาขาอุตสาหกรรมที่ไม่พร้อมในการแข่งขัน หรือที่ไทยไม่มีความได้เปรียบในด้านต้นทุน
คงได้รับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการรวมตัวและเปิดเสรีทางการค้าในกลุ่มประเทศอาเซียน
ภาครัฐจึงได้พยายามเจรจาผลักดันในประเด็นที่จะช่วยรักษาผลประโยชน์
ในขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นการสร้างความพร้อมให้กับภาคเอกชนทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน
กฎเกณฑ์และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
รวมไปถึงการจัดตั้งกองทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือในการเตรียมพร้อมและปรับตัวสำหรับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี
5 การเปิดตลาดภายในอาเซียนเป็นเรื่องที่มีการหารือ
ประสานงาน และผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงเวลานี้ยังมีความยืดหยุ่นและผ่อนปรนให้กับสาขาที่อ่อนไหวสูงของประเทศสมาชิก
ซึ่งหน่วยงานภาครัฐของไทยก็จะเจรจาต่อรองด้วยความระมัดระวังสูงสุดเพื่อผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทยเป็นสำคัญ
และเพื่อลดโอกาสของการเกิดผลกระทบในทางลบให้ได้มากที่สุด
แนวทางการรองรับผลกระทบของไทย
1 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในรูปของการจัดสัมมนารับฟังความเห็น การจัดทำหนังสือเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงาน
การออกข่าวประชาสัมพันธ์ทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์
รวมถึงการออกไปบรรยายให้ความรู้กับผู้ประกอบการ
และคณาจารย์จากสถาบันต่างๆเพื่อให้สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ต่อไปได้
2 การจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า(ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม
2550) เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการในสินค้าเกษตรแปรรูปสินค้าอุตสาหกรรม
และบริการ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้า โดยมีกรมการค้าต่างประเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก
3 ปัจจุบัน
รัฐบาลได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ซึ่งก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อดูแลการเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
โดยคณะทำงานดังกล่าวมีประธานผู้แทนการค้าไทยเป็นประธานและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ
ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงแรงงานรวมทั้งภาคเอกชนและผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคณะทำงานฯ
มีหน้าที่ศึกษาและประเมินผลกระทบ
รวมทั้งพิจารณามาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทางลบ
ตลอดจนบูรณาการมาตรการเยียวยาของหน่วยงานต่างๆ ให้สอดคล้องกัน
4 ปัจจุบันมีมาตรการเยียวยาทางการค้าหลัก
2 มาตรการ ได้แก่
โครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า
ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์
และกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นอกจากนี้ผู้ได้รับผลกระทบอาจเข้าร่วมโครงการภายใต้แผนแม่บทเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรมพ.ศ.
2551-2555 ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้อีกทางหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น