นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะคุรุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า
จากการลงพื้นที่ทำวิจัยโครงการพัฒนาบุคลากรและผลิตภาพบุคลากร
เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียนในปี 2558 พบว่า บุคคลากรทางการศึกษากว่าร้อยละ 70-80
มีความรู้เกี่ยวกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนน้อยมากถึงไม่รู้เลย
และไม่รู้ว่านโยบายที่ออกมาเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนมีอะไรบ้าง
ขณะนี้การเตรียมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของกระทรวงศึกษาธิการ
เมื่อสอบถามผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ระบุว่า
ไม่มีงบประมาณสนับสนุนและนโยบายไม่มีกรอบและความชัดเจนว่า
จะดำเนินการและเตรียมการอย่างไร
นายสมพงษ์กล่าวว่า
การวิจัยยังได้สอบถามนักศึกษาไทย พบว่าเด็ก 8
คนจาก 10 คนไม่กล้าไปทำงานในประเทศกลุ่มอาเซียน
เพราะกลัวเรื่องภาษา แต่เมื่อถามเด็กนักศึกษาประเทศอื่นในอาเซียน
ทุกคนต้องการเข้ามาทำงานที่เมืองไทย ส่วนการเรียนสายอาชีวศึกษา
ขณะนี้มีการส่งนักศึกษาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเรียนในประเทศไทย อาทิ
นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร มีนักเรียนกลุ่มนี้เข้ามาจำนวนมาก หากเป็นเช่นนี้เมื่อมีการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี
2558 จะเริ่มเห็นผลกระทบมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะปัญหานักศึกษาไทยที่จบออกมา
จะมีอัตราการตกงานเพิ่มมากขึ้น
"ผมคิดว่าควรจะต้องมีการรื้อระบบหลักสูตรการเรียนการสอนของไทย และประเทศไทยต้องเพิ่มการเรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลของประเทศเพื่อนบ้านให้เทียบเท่าที่ประเทศอื่นรู้จักประเทศไทย"นายสมพงษ์กล่าว ที่มา มติชนออนไลน์ |
บทความเทคโนโลยีสารสนเทศ
วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วิจัยชี้ เด็กไทย 8 คนใน 10 คนไม่กล้าไปทำงานในประเทศกลุ่มอาเซียน เพราะกลัวเรื่องภาษา
ประโยชน์ที่จะได้รับหลังการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 รวมสาระคุณภาพ - กองวิชาการและแผนงาน
ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ
1อาเซียนเป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีความใกล้ชิดไทยมากที่สุด ประเทศสมาชิกอาเซียนหลายประเทศ เป็นเพื่อนบ้าน
มีพรมแดนติดกัน มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึง มีสินค้าและบริการที่สามารถเสริมซึ่งกันและกันได้
หรือมีสินค้าบริการที่คล้ายคลึงกันซึ่งหากสามารถร่วมมือกัน
ก็จะสามารถสร้างความแข็งแกร่งในด้านอำนาจการต่อรอง
อันจะนำมาซึ่งการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจการค้าที่มีความสำคัญยิ่ง
2 การรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนทำให้เกิดตลาดในภูมิภาคที่มีขนาดใหญ่ โดยสามารถนำจุดแข็งของแต่ละประเทศมาเสริมกับจุดแข็งของประเทศไทยเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดในการผลิต
ส่งออกและบริการ
ซึ่งจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อมีการเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิตได้อย่างเสรีมากขึ้น นอกจากนี้
การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะช่วยให้ประเทศสมาชิกมีความเป็นปึกแผ่นและช่วยสร้างอำนาจการต่อรองในเวทีต่างๆ
มากขึ้น
3 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวในด้านการค้าและการลงทุนของไทย เนื่องจากการผลักดันมาตรการต่างๆ
เพื่อเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะก่อให้เกิดการยกเลิกหรือลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด
ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรค์ด้านภาษีหรือมาตรการทางการค้าอื่นๆ ที่มิใช่ภาษี
เนื่องจากประเทศสมาชิกจะแสวงหาความร่วมมือเพื่อลด/ขจัดอุปสรรคต่าง ๆ เหล่านั้น
รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
4 ประชาคมเศรษฐกิจจะทำให้ผู้ประกอบการไทยได้เริ่มปรับตัวและเตรียมความพร้อม กับสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งปรับตัวและใช้โอกาสที่เกิดจากการลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนต่างๆ
ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสาขาที่ไทยมีความพร้อมและมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง
5 เสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการภายในประเทศ จากการใช้ทรัพยากรในการผลิตร่วมกันและการเป็นพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ
จากการขจัดอุปสรรคในด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิก
6 ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ภายในประเทศจากการดำเนินงานตามแผนงานในด้านการลดอุปสรรคทั้งด้านการค้าและการลงทุน
และการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค
โอกาสและความท้าทายต่อผู้ประกอบการไทย
โอกาส
1 ไทยสามารถขยายการส่งออกสินค้าไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน เนื่องจากอุปสรรคทางการค้าทั้งที่เป็นภาษีและมิใช่ภาษีจะลดลงหรือหมดไป
และกฎระเบียบต่างๆ
จะมีการปรับประสานเพื่อให้สอดคล้องและเอื้อประโยชน์ในกลุ่มสมาชิกมากขึ้น
2 การรวมตัวเป็นตลาดเดียว จะช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เข้ามาในอาเซียนรวมทั้งไทยมากขึ้น
3 ผู้ประกอบการไทยในสาขาที่ไทยมีความเข้มแข็ง เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์
การท่องเที่ยวการบริการด้านสุขภาพและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ต้องเร่งศึกษาหาลู่ทางการปรับตัว และใช้โอกาสจากการลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนต่างๆ
ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
ความท้าทาย
4 สำหรับสาขาอุตสาหกรรมที่ไม่พร้อมในการแข่งขัน หรือที่ไทยไม่มีความได้เปรียบในด้านต้นทุน
คงได้รับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการรวมตัวและเปิดเสรีทางการค้าในกลุ่มประเทศอาเซียน
ภาครัฐจึงได้พยายามเจรจาผลักดันในประเด็นที่จะช่วยรักษาผลประโยชน์
ในขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นการสร้างความพร้อมให้กับภาคเอกชนทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน
กฎเกณฑ์และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
รวมไปถึงการจัดตั้งกองทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือในการเตรียมพร้อมและปรับตัวสำหรับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี
5 การเปิดตลาดภายในอาเซียนเป็นเรื่องที่มีการหารือ
ประสานงาน และผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงเวลานี้ยังมีความยืดหยุ่นและผ่อนปรนให้กับสาขาที่อ่อนไหวสูงของประเทศสมาชิก
ซึ่งหน่วยงานภาครัฐของไทยก็จะเจรจาต่อรองด้วยความระมัดระวังสูงสุดเพื่อผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทยเป็นสำคัญ
และเพื่อลดโอกาสของการเกิดผลกระทบในทางลบให้ได้มากที่สุด
แนวทางการรองรับผลกระทบของไทย
1 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในรูปของการจัดสัมมนารับฟังความเห็น การจัดทำหนังสือเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงาน
การออกข่าวประชาสัมพันธ์ทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์
รวมถึงการออกไปบรรยายให้ความรู้กับผู้ประกอบการ
และคณาจารย์จากสถาบันต่างๆเพื่อให้สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ต่อไปได้
2 การจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า(ตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม
2550) เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการในสินค้าเกษตรแปรรูปสินค้าอุตสาหกรรม
และบริการ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้า โดยมีกรมการค้าต่างประเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก
3 ปัจจุบัน
รัฐบาลได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ซึ่งก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อดูแลการเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
โดยคณะทำงานดังกล่าวมีประธานผู้แทนการค้าไทยเป็นประธานและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ
ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงแรงงานรวมทั้งภาคเอกชนและผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคณะทำงานฯ
มีหน้าที่ศึกษาและประเมินผลกระทบ
รวมทั้งพิจารณามาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทางลบ
ตลอดจนบูรณาการมาตรการเยียวยาของหน่วยงานต่างๆ ให้สอดคล้องกัน
4 ปัจจุบันมีมาตรการเยียวยาทางการค้าหลัก
2 มาตรการ ได้แก่
โครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า
ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์
และกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นอกจากนี้ผู้ได้รับผลกระทบอาจเข้าร่วมโครงการภายใต้แผนแม่บทเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรมพ.ศ.
2551-2555 ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้อีกทางหนึ่ง
8 สาขาฮิตไม่ตกงาน ตามเทรนด์อาเซียน 2558
8 สาขาฮิตไม่ตกงาน ตามเทรนด์อาเซียน 2558
สวัสดีค่ะน้องๆ ...ใครที่ได้ตามข่าวมาตลอด จะรู้ว่าช่วงนี้ประเทศไทยตื่นตัวกับคำว่าประชาคมอาเซียนมากพอสมควร
ซึ่งส่งผลต่อระบบการศึกษาไทยในระดับอุดมศึกษาด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ
จะเริ่มเปลี่ยนแปลงโดยเลื่อนเปิดเทอมให้ตรงกับสากล อีกโครงการนึง คือ
สนับสนุนให้เด็กไทยพูดภาษาอังกฤษอาทิตย์ละวัน
อย่างไรก็ตามประชาคมอาเซียนไม่ได้มีแค่นี้ น้องๆ
ที่กำลังเตรียมแอดมิชชั่นในรุ่นหลังๆ ยิ่งต้องฟังไว้ให้ดีเลยค่ะ
ดูไว้เป็นแนวทางว่าเราควรประกอบอาชีพไหนดี เพราะว่าหลังจากเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว
ทุกอย่างจะเสรีขึ้น แม้กระทั่งการทำงาน
หมายความว่าในบางสาขาอาชีพเราสามารถไปทำงานที่ประเทศไหนก็ได้ในอาเซียน ซึ่งการแข่งขันจะสูงขึ้น
ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดเราอาจจะจำเป็นต้องมีทักษะหลายแขนงกันเลยทีเดียว
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ
เลขาธิการอาเซียน ในการประชุมวิชาการทางมานุษยวิทยา ครั้งที่ 10 หัวข้อ ประชาคมในมิติวัฒนธรรม ความขัดแย้งและความหวัง กล่าวว่า
ขณะนี้สมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ
กำลังเตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งเป็นโลกของอาเซียนผสมผสานกับโลกโลกาภิวัตน์ที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
สำหรับการเตรียมตัวด้านประชากรของประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ
เด็กและเยาวชนคนหนึ่งจะต้องมีทักษะในวิชาชีพอย่างน้อย 3-4 วิชาชีพ
เพราะฉะนั้นเด็กและเยาวชนจะต้องมีความรู้ความสามารถที่หลากหลายสามารถแข่งขันกับตลาดอาชีพในอาเซียนได้
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาทักษะเด็กไทยให้เป็นเลิศทุกด้านยังเป็นการรองรับการเปิดเสรีด้านวิชาชีพ และการศึกษา 8 สาขาของประชาคมอาเซียน สามารถทำงานแลกเปลี่ยนกันใน 10 ประเทศ ได้แก่วิชาชีพ หมอ พยาบาล ทันตแพทย์ วิศวกร สถาปนิก การโรงแรม และอาหาร ธุรกิจสปา นักสำรวจสร้างถนน หากนักศึกษาเรียนจบแพทย์ ไม่ใช่จะต้องแข่งขันเพื่อมีอาชีพแค่ 65 ล้านคน แต่ต้องแข่งขันกับประชากรอาเซียน 10 ประเทศ ประมาณ 600 ล้านคน สิ่งที่เราต้องพัฒนาทักษะด้านภาษาให้เด็กไทย โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ อยากให้สื่อสารภาษาอังกฤษสำเนียงคนไทย และเลิกคิดว่าพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง เพราะเราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร หรือเก่งภาษาอื่นถือว่าไม่รักภาษาไทย “อัตลักษณ์ของเด็กไทยในประชาคมอาเซียนจะต้องมีทักษะการคิด การวิเคราะห์อย่างเป็นเลิศ และกล้าออกไปทำงานแลกเปลี่ยนนอกประเทศ โดยไม่ทิ้งอัตลักษณ์ของตัวเองที่มีความนอบน้อม ยิ้มสยาม เพราะวัฒนธรรมเหล่านี้ คือ ความหลากหลายที่สวยงาม ครึ่งหนึ่งของประเทศสมาชิกอาเซียนพูดภาษามาเลย์ ครึ่งหนึ่งพูดมลายู เพราะฉะนั้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับไทยจะมองภาคใต้ที่พูดภาษามลายูหลายจังหวัด ว่า เป็นพื้นที่ขัดแย้ง หรือจะมองว่าเป็นผู้ผูกโยงเชื่อมโยงถึงอาเซียน ประเทศไทยมีคนพูดภาษามลายู 2-3 ล้านคน สมควรจะให้ยกเลิกพูดกัน เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้ ไทยควรร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในอาเซียนมากยิ่งขึ้น อีกเรื่อง อยากให้ทุกคนสนใจกฎหมาย หรือสนธิสัญญาของอาเซียน เพื่อใช้อ้างอิงสิทธิ์ในความเป็นประชาคมอาเซียนที่รับรองโดยสหประชาชาติด้วย” ดร.สุรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย นั่นแสดงว่าทันทีที่เปิดเสรีอาเซียนแล้ว ใครที่ทักษะน้อย ความสามารถน้อย อาจจะเสียเปรียบอย่างรุนแรง เพราะจริงๆ แล้วในประเทศไทยก็เป็นที่หมายปองของประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเค้าเก่งกว่า เราก็ต้องเตรียมร้อนๆ หนาวๆ กันได้เลย ถ้าน้องๆ ที่อยากอยู่รอดในยุคอาเซียนก็เล็งๆ วิชาชีพเหล่านี้เอาไว้ให้ดี และอาจจะต้องหาความรู้เพิ่มเติมให้เก่งในหลายๆ ทักษะ... แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว แต่ต้องสู้ค่ะ
ดังนั้น
คณะยอดฮิตของเด็กแอดรุ่นหลังจากนี้ อาจไม่ใช่นิเทศฯ ครุฯ แล้ว แต่คงกลายเป็น 8 สาขานี้แทน!!
|
เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์กับการศึกษาไทย
เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์กับการศึกษาไทย
ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งถือว่าเป็นยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ
เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกในหลายๆด้านทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมอันนำไปสู่การปรับตัวเพื่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์ทุกประเทศทั่วโลกกำลังมุ่งสู่กระแสใหม่ของการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า
สังคมความรู้ (KnowledgeSociety) และระบบเศรษฐกิจฐานความรู้
(Knowledge-Based Economy) ที่จะต้องให้ความสำคัญต่อการใช้ความรู้และนวัตกรรม
(Innovation) เป็นปัจจัยในการพัฒนาและการผลิตมากกว่าการใช้เงินทุนและแรงงาน
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้
ซึ่งประกอบกันเป็น “สารสนเทศ” นั้น
สามารถลื่นไหลได้สะดวก รวดเร็ว จนสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวาง
ตั้งแต่ระดับบุคคลขึ้นไปถึงระดับองค์กรอุตสาหกรรม ภาคสังคม
ตลอดจนในระดับประเทศและระหว่างประเทศ จนกระทั่งภาวะ “ไร้พรหมแดน”
อันเนื่องมาจากอิทธิพลของเทคโนโลยีสารสนเทศดังกล่าว ได้เกิดขึ้นในกิจกรรมและวงการต่างๆ
และนับเป็นความกลมกลืนสอดคล้องกันอย่างยิ่ง
ที่การพัฒนาบุคลากรในสังคมอันประกอบด้วยภาคการศึกษา
และการฝึกอบรมเป็นเรื่องราวของการเรียนรู้สารสนเทศในรูปแบบต่างๆ ทั้งที่เป็นข้อมูล
(Data) ข่าวสาร (Information)ก็ตาม
ดังนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเครื่องมือที่สามารถนำประโยชน์มาสู่วงการศึกษา
ได้อย่างเหมาะสมหากรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์และคุ้มค่าต่อการลงทุน (ไพรัช
ธัชยพงษ์และพิเชษ ดุรงคเวโรจน์ .2541
เมื่อกล่าวถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ
อุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยีระดับสูงอย่างหนึ่งที่นับว่ามีบทบาทอย่างยิ่งได้แก่ “คอมพิวเตอร์”(Computer) ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกวงการ
โดยเฉพาะวงการศึกษาได้นำคอมพิวเตอร์มาใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นในด้านการบริหาร
การบริการ และการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน เป็นต้น
พจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2525 ได้ให้ความหมายของ “คอมพิวเตอร์” ไว้ว่า”เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ
ทำหน้าที่เสมือนสมองกล
ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์”คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้งานแทนมนุษย์ในด้านการคำนวณและสามารถจำข้อมูลทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้
เพื่อการเรียกใช้งานครั้งต่อไป รวมทั้งสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ (Symbol) ได้ด้วยความเร็วสูงโดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม
นอกจากนี้ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ เช่น การรับส่งข้อมูล
การจัดเก็บข้อมูลไว้ในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้ (ตวงแสง ณ
นคร .2542)
บทความครูกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทความครูกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
ประเทศไทยมุ่งเน้นในการนำไอซีทีมาใช้ในการเรียนการสอน
วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสังคมไทยไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ที่
สนองต่อคุณภาพชีวิตโดยตรง
เทคโนโลยีการเรียนรู้จะช่วยปรับปรุงคุณภาพการศึกษาของเด็กในศตวรรษที่ 21 โดยมี เป้าหมายหลักเพื่อช่วยเปลี่ยนสังคมไทยไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้
การประกันโอกาสของผู้เรียนในการเข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต
และเชื่อมโยงสังคมไทยเข้ากับสังคมเศรษฐกิจบนพื้นฐานของความรู้ตามแผนแม่บท
ของการศึกษาการศึกษาแห่งชาติ
และการกำหนดนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการ ศึกษา
โดยการใช้ไอซีทีในสถาบันการศึกษาทั้งหมดและมีให้ผู้เรียนทุกคนมีโอกาสใช้ไอ
ซีทีเพื่อการเรียนตามประสิทธิภาพที่พอเพียงอย่างทั่วถึงการก้าวเข้าสู่ยุคสังคมสารสนเทศได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม รวมทั้งเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทอย่างสูงในสังคมยุคใหม่
เพื่อเตรียมคนรุ่นใหม่ที่จะต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีและนำเทคโนโลยีเหล่านั้น
ไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
จึงจำเป็นต้องสร้างเยาวชนของชาติเพื่อเข้าสู่สังคมยุคใหม่โดยการจัดสภาพแวด
ล้อมใหม่ทางการศึกษาทั้งในด้านเนื้อหา สื่อ และกระบวนการจัดการเรียนรู้
ดังนั้นการบูรณาการนวัตกรรมเทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอนจึงเป็นปัจจัย
ที่สำคัญประการหนึ่งในการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งในฐานะของครู
ผู้มีบทบาทในการเรียนการสอนให้เยาวชนของชาติเจริญเติบโตมาเป็นกำลังสำคัญใน
การพัฒนาประเทศ จึงควรมีความรู้ความสามารถให้ทันกับเทคโนโลยีสารสนเทศในสมัยใหม่เพื่อนำมา
ประยุกต์
โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสื่อการในการเรียนการสอนเพื่อให้ครูกับนักเรียน
มีความเข้าใจตรงกัน
และเพื่อให้เด็กสามารถนเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆไปปรับเข้าใช้กับชีวิตประจำวันเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทต่อการศึกษาอย่างมาก
โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์
และการสื่อสารโทรคมนาคมมีบทบาทที่สำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาเทคโนโลยีที่มี
บทบาทสำคัญต่อการศึกษาประกอบด้วย
1. เทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนช่วยในเรื่องการเรียนรู้ปัจจุบันมีเครื่องมือ
เครื่องใช้ที่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้หลายอย่าง มีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI)
มีระบบมัลติมีเดีย (Multimedia) ระบบวิดีโออนนดีมานด์
(Video on Demand) วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ (Video
Teleconference) และอินเตอร์เน็ต (Internet) เป็นต้น
ระบบเหล่านี้เป็นระบบสนับสนุนการรับรู้ข่าวสารและการค้นหาข้อมูลข่าวสาร
เพื่อการเรียนรู้
2. เทคโนโลยีที่เข้ามาสนับสนุนการจัดการศึกษาในการจัดการศึกษาสมัยใหม่จำเป็น
ต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารเพื่อการวางแผนการดำเนินการ
การติดตามและประเมินผลคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารโทรคมนาคมเข้ามามีบทบาทที่
สำคัญในเรื่องนี้
3. เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การสื่อสารระหว่างบุคคลเกือบทุกวงการ
ทั้งทางด้านการศึกษาจำเป็นต้องอาศัยการสื่อสารระหว่างผู้สอนกับผู้เขียน
ผู้เรียนกับผู้เรียน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการเรียนการสอน
และการดำเนินงานในหลายด้านโดยอาศัยเทคโนโลยีการสื่อสาร
และการดำเนินงานในหลายด้านโดยอาศัยเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น
การใช้โทรศัพท์ โทรสาร และไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
การจัดการศึกษายุคของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียน
รู้ใหม่ และเปลี่ยนแปลงความต้องการในการศึกษาในอนาคต สื่อ
และเทคโนโลยีสารสนเทศแบบใหม่เข้ามาแทนที่สื่อแบบเก่า
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้จะเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ในสภาพแวด
ล้อมทางการศึกษาแบบใหม่
ซึ่งก่อให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาขึ้นปรับปรุงโครงสร้างทั้งระบบใหม่โดยเฉพาะ
การบริหารการบริการการพัฒนาการเรียนการสอนและการจัดการศึกษา
ซึ่งจากเดิมสถาบันการศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบมาเป็นสังคมและชุมชนร่วมกันรับ
ผิดชอบต่อการจัดการศึกษามากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีสารสนเทศ
เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่จะสนับสนุนให้ครูเกิดความเชี่ยวชาญในการใช้
เทคโนโลยีในการศึกษา ครูส่วนมากยังใช้คอมพิวเตอร์ไม่เก่งจึงต้องมีคนช่วยเหลือ
ไม่ใช่เพียงปัญหาการจัดการระบบซึ่งเกิดปัญหาได้ทุกเมื่อ
แต่ยังปัญหาการเลือกซอฟต์แวร์ การออกแบบโครงงานที่ใช้ประโยชน์จาเทคโนโลยี
และเรียนรู้วิธีแนะนำนักเรียนในการใช้ข้อมูลเราจะเห็นว่าปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศจะเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลต่อ
ชีวิตมนุษย์เพิ่มขึ้น ดังนั้นครูควรต้องพยายามติดตาม ศึกษา
และทำความเข้าใจแนวทางและพัฒนาการที่เกิดขึ้น
เพื่อที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเรียนการ
สอนและการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมต่อไปทั้งในปัจจุบันในอนาคตเพื่อให้การสอน
ทันสมัยเข้าถึงตัวเด็กได้ง่าย รับรู้ได้ง่าย และเข้าใจได้ง่ายขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)